ประเทศเล็กๆอย่างเอสโตเนียตั้งอยู่ในยุโรปตอนเหนือหนึ่งในประเทศที่อยู่ในกลุ่มรัฐบอลติกร่วมกับลัตเวียและลิทัวเนียซึ่งมีประชากรเพียง 1.3 ล้านคนเท่านั้น พวกเค้าเป็นสังคมดิจิทัลที่ก้าวหน้าที่สุดในโลกและได้รับความสนใจเป็นที่จับตามองจากหลายฝ่ายไม่ว่าจะเป็นผู้นำระดับโลก นักวิชาการ นักลงทุน
Photo by TheGuardian
อันที่จริงแล้วหากย้อนกลับไปในศตวรรษที่ 21 เอสโตเนียเป็นหนึ่งในประเทศที่มีผู้คนพลุกพล่านน้อยที่สุดในทวีปยุโรป อดีตประธานาธิบดีแห่งเอสโตเนียอย่าง Toomas Hendrik Ilves มีส่วนสนับสนุนอย่างมากในการสร้างประเทศให้เป็นสังคมดิจิทัล
Toomas Ilves ได้รับการยอมรับทั่วโลกในการทำให้เอสโตเนียเป็นหนึ่งในประเทศที่ก้าวหน้าทางดิจิทัลมากที่สุดในโลกด้วยรูปแบบการกำกับดูแลแบบดิจิทัลเช่น
- บริการทางอิเล็กทรอนิกส์ของรัฐบาล
- การลงคะแนนทางอิเล็กทรอนิกส์
- การธนาคารทางอิเล็กทรอนิกส์
- การดูแลสุขภาพทางอิเล็กทรอนิกส์
- การมุ่งเน้นด้านการศึกษา
- การขนส่งสาธารณะฟรี
E-Estonia สังคมใหม่บนโลกออนไลน์
Photo by ERR
“เอสโตเนียเป็นประเทศที่ค่อนข้างยากจน” Kaljulaid กล่าว “ทั้งภาครัฐ รัฐบาล และข้าราชการของเราต้องการให้บริการที่มีคุณภาพแก่ประชาชนของเรา และเราจะทำมันแบบดิจิทัลเพราะราคาถูกและง่ายต่อการเข้าถึง”
ในขณะที่รัฐบาลทั่วโลกต่อสู้กับความท้าทายจากเทคโนโลยีรวมถึงการรวบรวมข้อมูล ปัญญาประดิษฐ์(AI) และภัยคุกคามทางไซเบอร์ เอสโตเนียอาจเสนอพิมพ์เขียวสำหรับวิธีสร้างสังคมดิจิทัล ความท้าทายสำหรับเอสโตเนียคือการสร้างประเทศที่ทำงานได้อย่างสมบูรณ์ตั้งแต่เริ่มต้น การสร้าง e-Estonia ได้นำประเทศบอลติกไปสู่สังคมที่มีความโปร่งใส ความไว้วางใจ และมีประสิทธิภาพมากขึ้น รัฐบาลเอสโตเนียเชื่อและแสดงให้เห็นว่าการพัฒนา e-solutions ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของการเพิ่มชั้นเชิงในทางดิจิทัล แต่จะเป็นการเปลี่ยนทุกอย่างและวาดแผนที่ถนนใหม่สู่สังคมดิจิทัลตั้งแต่ปี 1994 จนถึงในทุกวันนี้
Photo by SIAMBC
อีกวิธีหนึ่งที่เอสโตเนียใช้ในการสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีคือการฝัง Blockchain ไว้ในกระบวนการต่างๆ ของตน เอสโตเนียเป็นประเทศแรกที่ใช้เทคโนโลยีนี้ในระดับรัฐบาล นับตั้งแต่นั้นมา Blockchain ได้รับความสนใจในเชิงพาณิชย์เป็นอย่างมาก ด้วยความสามารถในการให้การรักษาความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้นและทำให้กระบวนการที่มีความยาวมากมายนั้นสั้นลง ซึ่งพิสูจน์ได้ว่าเป็นประโยชน์ต่อเจ้าของบริการหรือกิจการในภาคส่วนต่างๆ Guardtime บริษัท Blockchain ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ก่อตั้งขึ้นในเอสโตเนีย และให้บริการแก่รัฐบาลสหรัฐฯ และรัฐบาลไทย รวมถึง Verizon ในกลุ่มบริษัทโทรคมนาคมของอเมริกาด้วย
Photo by ESTONIANWORLD
ความคิดในการเปลี่ยนแปลงสังคมเริ่มต้นขึ้นด้วยด้านการศึกษา เนื่องจากเอสโตเนียให้คำมั่นว่าจะนำคอมพิวเตอร์ไปใช้ในห้องเรียนทุกแห่งในประเทศ และภายในปี 2000 โรงเรียนทุกแห่งในประเทศต้องมีระบบออนไลน์ นอกจากนี้รัฐบาลยังให้การฝึกอบรมการใช้คอมพิวเตอร์ฟรีแก่ผู้ใหญ่ที่ใช้ไม่เป็น ความพยายามดังกล่าวช่วยเพิ่มเปอร์เซ็นต์ของชาวเอสโตเนียที่ใช้อินเทอร์เน็ตจาก 29% เป็น 91% ในปี 2016
การทำให้ประเทศกลายเป็นระบบดิจิทัลจะต้องแน่ใจว่าทุกคนสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ ซึ่งรัฐบาลของพวกเค้าสามารถทำให้เป็นสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานได้ เอสโตเนียมี Wi-Fi สาธารณะที่เร็วเป็นอันดับสองของโลกมันกลายเป็นส่วนสำคัญของชีวิตประจำวันไปแล้ว
Photo by CITIESABC
ในปี 2002 เอสโตเนียได้เปิดตัวระบบบัตรประจำตัวประชาชนที่มีเทคโนโลยีขั้นสูง ซึ่งเป็นบัตรประจำตัวประชาชนแบบบัตรเเข็งที่จับคู่กับลายเซ็นดิจิทัลที่ชาวเอสโตเนียใช้ในการจ่ายภาษี ลงคะแนนเสียง ทำธนาคารออนไลน์ และเข้าถึงบันทึกการดูแลสุขภาพของพวกเขา
ในปี 2019 เอสโตเนียได้ออกวีซ่าอย่างเป็นทางการครั้งแรกสำหรับ ‘คนเร่ร่อนทางดิจิทัล’ ซึ่งอนุญาตให้ชาวต่างชาติทำงานในประเทศได้ 365 วัน วีซ่าได้รับการออกแบบมาเพื่อดึงดูดผู้มีความสามารถระดับสูงจากทั่วยุโรป
เอสโตเนียไม่เคยหยุดสร้างสรรค์เพื่อสร้างสังคมดิจิทัล
Photo by WEFORUM
ช่วง 26 ปีที่ผ่านมา เอสโตเนียไม่เคยหยุดสร้างสรรค์และใช้เทคโนโลยีล้ำสมัยเพื่อสร้างอนาคตที่ทะเยอทะยาน เพื่อสร้างสังคมดิจิทัลขั้นสูงที่เป็นอยู่ในปัจจุบันได้ ผลจากความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์นวัตกรรม เอสโตเนียได้รับการเสนอชื่อให้เป็นผู้ประกอบการอันดับหนึ่งในรายงานผู้ประกอบการที่ซ่อนอยู่ในยุโรปของ World Economic Forum: Entrepreneurial Employee Activity and Competitiveness in Europe ปี 2017 การศึกษาชี้ให้เห็นว่านโยบายที่มุ่งเน้นผู้ประกอบการของประเทศได้รับการส่งเสริมอย่างมาก นอกจากนี้ยังตั้งข้อสังเกตว่าเกือบ 80% ของชาวเอสโตเนียทำงานให้กับ SMEs ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมากจากค่าเฉลี่ยของชาวยุโรปถึง 67%
ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่าเอสโตเนียมีรัฐบาลและประชาชนที่มีแนวคิดนวัตกรรมที่ก้าวหน้า มันเป็นสนามทดสอบที่สมบูรณ์แบบสำหรับแนวคิดใหม่และกล้าหาญ หากท่านใดสนใจสามารถเข้าไปอ่านเพิ่มเติมเรื่องราวและข้อมูลของ e-Estonia ต่อได้ที่ e-estonia.com
มันคงจะดีอย่างมากหากประเทศไทยของเราสามารถยกระดับสังคมให้อยู่ในระบบดิจิทัลอย่างเอสโตเนีย การทำให้ WIFI เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประเทศได้นับเป็นความสำเร็จอย่างมากในเวทีโลก ประเทศไทยของเราควรดูตัวอย่างของประเทศเล็กๆเเห่งนี้เป็นตัวอย่างแล้วใช้ในการพัฒนาประเทศต่อไป
Line @devfinite หรือ Email sales@devfinite.solutions