ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พยาบาลที่โรงพยาบาลแมรี่ วอชิงตัน ในเมืองเฟรเดอริคเบิร์ก รัฐเวอร์จิเนีย มีผู้ช่วยพิเศษในช่วยงานของพวกเขา Moxi หุ่นยนต์สูง 4 ฟุตที่เข้ามาช่วยงาน ไม่ว่าจะเป็นขนยาเวชภัณฑ์ ตัวอย่างในห้องแล็บ และของใช้ส่วนตัวของผู้ป่วย หลังจากสองปีอันเหนื่อยล้าที่ต้องต่อสู้กับ Covid-19 การที่มีหุ่นยนต์เข้ามาช่วยจัดการพยาบาลที่นั่นกล่าวว่ามันช่วยแบ่งเบาภาระของพวกเธอได้เป็นอย่างมาก
Moxi ถูกสร้างขึ้นโดย Diligent Robotics ซึ่งเป็นบริษัทที่ก่อตั้งในปี 2017 โดย Vivian Chu อดีตนักวิจัย Google X และ Andrea Thomaz ผู้พัฒนา Moxi ในขณะทำงานเป็นรองศาสตราจารย์ที่ University of Texas at Austin เป็นหนึ่งในหุ่นยนต์ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อการจัดส่งเฉพาะทาง มีหุ่นยนต์หลายรุ่นที่ได้รับการพัฒนาขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเพื่อช่วยบรรเทาความเครียดของบุคลากรในด้านสุขภาพ แม้กระทั่งก่อนเกิดโรคระบาด พยาบาลเกือบครึ่งในสหรัฐฯ รู้สึกว่าที่ทำงานของพวกเขาขาดความสมดุล work life balance ไม่ว่าจะเป็นการที่ได้เห็นผู้ป่วยและเพื่อนร่วมงานติดเชื้อ Covid-19 ในวงกว้าง และความกลัวที่จะนำเชื้อ Covid-19 กลับบ้านมาสู่ครอบครัว ความกังวลเหล่านี้ทำให้ความรู้สึกเหนื่อยหน่ายแย่ลงจนรู้สึกหมดไฟในการทำงาน จากการศึกษาพบว่าอาการหมดไฟอาจส่งผลในระยะยาวต่อพยาบาล ทั้งนี้อาจจะยังส่งผลกระทบไปถึงทำให้นอนไม่หลับหลายปีหลังจากการอ่อนล้าจากการทำงานในช่วงแรก โลกกำลังมีปัญหาการขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์ขนาดใหญ่ขณะนี้ จากการสำรวจของสหภาพพยาบาลแห่งชาติ (National Nurses United union) พยาบาลประมาณ 2 ใน 3 ภายในสหรัฐฯ กล่าวว่าพวกเขาได้พิจารณาออกจากอาชีพนี้แล้ว
ในบางพื้นที่ การขาดแคลนบุคลากรส่งผลให้ค่าจ้างพนักงานประจำและชั่วคราวสูงขึ้น ในประเทศต่างๆ เช่น ฟินแลนด์ พยาบาลเรียกร้องค่าแรงที่สูงขึ้นและหยุดงานประท้วง แต่ในขณะเดียวกันมันส่งผลให้มีการนำหุ่นยนต์มาใช้ในทางการแพทย์มากยิ่งขึ้น Moxi เป็นหนึ่งในสิ่งที่ช่วยยืนยันเรื่องนี้ได้ดี การขนส่งของไปตามห้องโถงของโรงพยาบาล เช่น สมาร์ทโฟนหรือตุ๊กตาหมีอันเป็นที่รักไปยังเตียงผู้ป่วยในห้องฉุกเฉิน Moxi เข้ามาช่วยลดภาระงานในตรงนี้เป็นอย่างมาก การทดลองใช้ Moxi ที่โรงพยาบาลในดัลลาส ฮูสตัน และกัลเวสตัน รัฐเท็กซัส พยาบาล 21 คนให้สัมภาษณ์ว่า Moxi ให้เวลาพวกเขามากขึ้นในการพูดคุยกับผู้ป่วยที่ออกจากโรงพยาบาลไปแล้ว พยาบาลหลายคนกล่าวว่า Moxi ช่วยพวกเขาให้มีพลังในการนำความสุขมาสู่ผู้ป่วยและครอบครัวของพวกเขา และช่วยให้ผู้ป่วยได้รับน้ำและทานยาตรงเวลาเสมอ “ฉันสามารถทำได้เร็วกว่า แต่จะดีกว่าถ้าให้ Moxi ทำเพื่อที่ชั้นจะได้ทำอย่างอื่นที่เป็นประโยชน์มากขึ้น” หนึ่งในพยาบาลที่ทำการสำรวจกล่าว
ในอีกด้านหนึ่งการสำรวจของพยาบาลที่ทำงานกับหุ่นยนต์ส่งของที่คล้ายกับ Moxi ในโรงพยาบาลในไซปรัสพบว่าประมาณครึ่งหนึ่งแสดงความกังวลว่าหุ่นยนต์เป็นภัยคุกคามต่องานของพวกเขา ถึงยังไงก็ตามพวกเขายังมีเส้นทางอีกยาวไกลก่อนที่จะสามารถแทนที่มนุษย์ได้ Moxi ยังคงต้องการความช่วยเหลือเกี่ยวกับงานพื้นฐาน ตัวอย่างเช่น Moxi อาจต้องขอให้มนุษย์กดปุ่มลิฟต์เพื่อไปในชั้นที่ต้องการ นอกจากนี้การทดลองใช้ Moxi ที่โรงพยาบาลในดัลลาส ฮูสตัน และกัลเวสตัน รัฐเท็กซัส นักวิจัยเตือนว่าการใช้หุ่นยนต์ดังกล่าวจำเป็นต้องมีการจัดข้อมูลเกี่ยวกับการใช้อุปกรณ์ต่างๆให้ทั่วถึงมากขึ้น เนื่องจากหุ่นยนต์ไม่อ่านวันหมดอายุ และการใช้ผ้าพันแผลที่หมดอายุสามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้
ยิ่งไปกว่านั้น หุ่นยนต์ส่งของในโรงพยาบาลยังมีความเสี่ยงต่อความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่ยังไม่เป็นที่เข้าใจมากนัก เมื่อไม่นานมานี้ บริษัทรักษาความปลอดภัย Cynerio แสดงให้เห็นว่าการใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ตรงจุดนี้สามารถช่วยให้แฮกเกอร์สามารถควบคุมหุ่นยนต์ Tug จากระยะไกลและทำการละเมิดความเป็นส่วนตัวของผู้ป่วย (ตอนนี้ยังไม่พบจุดบกพร่องในหุ่นยนต์ Moxi และบริษัทกล่าวว่ากำลังดำเนินการเพื่อให้แน่ใจเกี่ยวกับ “ความปลอดภัย”)
ถึงแม้สร้างความสะดวกสบายและช่วยแบ่งเบาภาระของบุคลากรทางการแพทย์ได้เป็นอย่างมาก แต่หุ่นยนต์เหล่านี้ยังต้องปรับปรุงและพัฒนาขึ้นเพื่อเพิ่มความปลอดภัยแก่ผู้ป่วยหรือจะเป็นการโจรกรรมทางโลกออนไลน์
สุดท้ายนี้ผู้เขียนหวังว่าเทคโนโลยีจะนำความก้าวหน้ามาสู่วงการแพทย์มากขึ้นและช่วยเหลือผู้ป่วยให้หายจากโรคที่เป็นอยู่
Reference
(เรียบเรียงและแปลจาก)
[1] Khari Johnson, Wired(2019), Hospital Robots Are Helping Combat a Wave of Nurse Burnout
[2] BBC Click, BBC News(2018), Meet Moxi – the hospital robot helping nurses
[3] Pushkar Singh, Medium(2020), Vivian Chu — Creator Of Moxi
[4] Diligent Robotics, LinkedIn
Line @devfinite หรือ Email sales@devfinite.solutions